thailadyplus.com

ศัลยกรรมความงามกับเรื่องทรวงอก


โพสต์เมื่อ: 3 มิ.ย 2563 เวลา 00:20:45 น. อ่าน: 1,306 ครั้ง
ศัลยกรรมความงามกับเรื่องทรวงอก
            เอาล่ะค่ะ และแล้วเรื่องราวที่ทุกคนรอคอยอีกเรื่องก็มาถึง นั่นก็คือ การศัลยกรรมเพิ่มขนาดทรวงอก พูดง่ายๆ ภาษาชาวบ้านคือทำหน้าอก หรือทำนมนั่นเอง พอพูดถึงเรื่องนี้แน่นอนเลยว่าสาวๆ หลายๆ คน อยากทำแต่ไม่กล้า เพราะกลัวอักเสบ กลัวทะลักกลัวนั่นนี่ไปหมดค่ะ แต่การอักเสบก็สามารถเกิดขึ้นได้จริง นั่นเป็นเมื่อสมัยเกือบยี่สิบปีของการมีการเริ่มทำหน้าอกในยุคแรกๆ ซึ่งในสมัยนั้นวิธีการทำหน้าอกหรือเพิ่มขนาดหน้าอกคือ   ฉีดสารพาราฟินเข้าไปในเนื้อนมเลยค่ะ อันนี้ตั้งแต่ปีคศ.  1890 เชื่อว่าหลายคนยังไม่เกิดแน่นอน แต่สมัยนี้เรียกว่าพัฒนามาไกลมากแล้วค่ะ ทั้งในเรื่องของการแพทย์และวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการเสริมหน้าอก ซึ่งวิธีการเสริมหน้าอกก็มีหลายวิธีด้วยกัน ได้แก่
            1.)  การเสริมหน้าอกด้วยถุงเต้านมเทียม   (Breast implant only)
            2.)  การเสริมหน้าอกด้วยถุงเต้านมเทียม ร่วมกับการฉีดไขมันตนเอง (Hybrid breast augmentation)
            3.)  การฉีดไขมันตนเอง เพียงอย่างเดียว   (Cell-assisted lipoclastic   หรือ CAL)
 
ซึ่งเราขออธิบายเพิ่มเติมในวิธีแต่ละวิธีดังนี้ค่ะ 
            1.)  การเสริมหน้าอกด้วยถุงเต้านมเทียม   (Breast implant only)
            วิธีนี้ได้รับความนิยมมกที่สุดค่ะเนื่องจากสามารถทำขนาดที่ต้องการได้ดี  เช่น  อัพจากคัพ  A  เป็นคัพ  C หรือ  D  ได้ตามต้องการ   สัมผัสมีความนุ่มคล้ายหน้าอกธรรมชาติมากถึงจะยังไม่ที่สุดก็ตามค่ะ และค่าใช้จ่ายถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ และยังสามารถปรับเพิ่มลดขนาดได้ในอนาคตด้วย แต่มีสิ่งที่ต้องระวังที่อาจจะเกิดขึ้นได้คือ พังผืด ที่มาเกาะรอบซิลิโคนนั่นเอง  ซึ่งในการเลือกขนาดซิลิโคนย่อมมีข้อดีและข้อจำกัด ดังนี้
  • ซิลิโคนที่ใหญ่ จะมีฐานที่กว้างด้วย ดังนั้นหากฐานนี้กว้างเกินไปจะโผล่ไปอยู่ในร่องอกหรืออกข้างลำตัว ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งค่ะ ดังนั้นหากจะเลือกขนาดที่ใหญ่ ก็ต้องดูขนาดลำตัวเราเทียบด้วยนะคะ ไม่งั้นเคยได้ยินแต่อ้วนเผละที่พุง เดี๋ยวตอนนี้จะกลายเป็นเผละที่หน้าอกแทน
  • ซิลิโคนที่ใหญ่ไป จะบังคับให้ศัลยแพทย์ต้องเลื่อนระดับฐานอกลงมาต่ำกว่าขีดจำกัดเดิมมากเพื่อป้องกันซิลิโคนลอย  แต่มันก็จะมาห้อยย้อยอยู่ต่ำเกินไปอีก
   
ซึ่งในการผ่าตัดเสริมหน้าอกที่ดีนั้นควรมีความพอดีของหน้าอกจริงและซิลิโคน ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้ควรจะไปด้วยกันได้ดีค่ะ มิเช่นนั้นแล้วอาจจะเกิดปัญหาอย่างอื่นตามมาอีก ซึ่งการแก้ไขเป็นเรื่องที่ยากแน่นอน ทั้งจะเสียเงินโดยใช่เหตุอีก ฉะนั้นก็เลือกดีๆ นะคะ จะเอาสวยพอประมาณใส่เสื้อผ้ากำลังสวย หรือเอาใหญ่ตามใจอยากแต่ต้องมานั่งแก้ปัญหาทีหลัง


 

ชนิดของถุงเต้านมเทียม  ( Breast implant )

  1.)  Silicone-filled implant หรือ ถุงซิลิโคนเจล สิ่งนี้ได้รับความนิยมสูงสุดเพราะ สัมผัสเหมือนเนื้อนมจริงและมีความมทนทาน   มีสองแบบคือแบบ ฐานกลม และแบบทรงหยดน้ำ
2.) Saline – filled implant แบบนี้เป็นที่นิยมเมื่อ 10 ปีมาแล้วค่ะ แต่เนื่องจากเกิดปัญหามากมายในภายหลัง ตอนนี้จึงลดระดับความนิยมลงไป
3.)  Poly urethane-coverd implant นำมาใช้ในกรณีที่คนไข้เป็นพังผืดซ้ำๆ ซึ่งอาจจะช่วยได้ และในไทยยังต้องขออนุญาตจาก อย.เป็นเคสๆ ไปค่ะ
4.)  Baker’s implant ชนิดนี้มักใช้กรณีเสริมหน้าอกหลังผ่าตัดมะเร็งเต้านม
 
 

            2.)  การเสริมหน้าอกด้วยไขมันร่วมกับการเสริมซิลิโคน (Hybrid breast augmentation)

        เป็นวิธีการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนแล้วจากนั้นจึงฉีดไขมันเข้าไปรอบๆ ในตำแหน่งที่ต้องการ เช่น ฉีกเข้ามาด้านในระหว่างทรวงอก เพื่อเพิ่มความชิดของเต้านมทั้งสองข้า ซึ่งเป็นการจัดแต่งทรงให้สวยงาม และนอกจากนี้การฉีดไขมันโดยรอบยังลดโอกาสในการคลำเจอขอบซิลิโคนในกรณีที่คนไข้ผิวบาง ทำให้มีความเหมือนจริงมากขึ้น ซึ่งวิธีการนี้ค่าใช้จ่ายจะค่อนข้างสูงกว่าแบบแรกค่ะ  นอกจากนี้ยังมีข้อเสียอีกบางประการคือ อัตราการอยู่รอดของเซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปจะสามารถอยู่ได้นานหรือไม่ (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) นั่นหมายถึงโอกาสที่จะยุบตัวก็มีสูงค่ะ
 

            3.) การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตนเองเพียงอย่างเดียว (Cell–assisted lipoclastic)

        วิธีการนี้ทำได้โดย ดูดเอาไขมันส่วนเกินตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย จากนั้นนำมาผ่านกระบวนการที่ทำให้เกิดความเข้มข้นสูงส่วนหนึ่ง  และอีกส่วนหนึ่งนำมาเข้ากระบวนการคัดแยกสเต็มเซลล์ เพื่อฉีดกลับเข้าไปในหน้าอก วิธีการเสริมหน้าอกแบบนี้จะได้หน้าอกที่มีความเหมือนจริงมากที่สุด ทั้งในเรื่องของความนุ่มและความยืดหยุ่น แต่ว่าในส่วนของค่าใช้จ่ายก็จะแพงกว่าทั้งข้อ 1 และ 2 เป็นสองถึงสามเท่าค่ะ แต่มีข้อดีก็ต้องมีข้อจำกัดค่ะ นั่นคือ ในการเพิ่มขนาดไม่สามารถเพิ่มได้ทีละมากๆ ส่วนใหญ่เพิ่มได้ไม่เกิน 1 คัพไซส์เท่านั้น เพราะถ้าเพิ่มไปเยอะก็สลายหายไปเท่านั้นเนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยง  แต่มีข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ สามารถอ่าน Mammogram ได้เหมือนปกติ ทางรังสีแพทย์สามารถแยกผลและวิเคราะห์มะเร็งเต้านมได้  ทั้งนี้ต้องเป็นสถาบันใหญ่ๆ ที่เครื่องไม้เครื่องมือพร้อมนะคะ
 
และทั้งหมดนี้คือวิธีการในการเสริมหน้าอกที่เป็นพื้นฐานค่ะ หากเราจะเลือกใช้วิธีการใดก็ต้องปรึกษาแพทย์และเลือกให้ดีทั้งทีมศัลยแพทย์  วัสดุที่ใช้มีคุณภาพขนาดไหนที่ที่เราจะเลือกใช้บริการเค้าใช้วัสดุใดในการเสริมหน้าอก และมาตรฐานความปลอดภัยเป็นอย่างไร เมื่อได้ข้อมูลทั้งสามอย่างนี้ ก็เป็นการสบายใจในระดับนึงแล้วค่ะ

ร่วมโหวตคะแนนให้เรื่องนี้ คะแนน 0.0 จาก 5 ผู้อ่าน 0 คน
HTML FOR SHARE ::
BB CODE FOR SHARE: